วันพุธที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559

หลักการใช้12tense

หลักการใช้ทั้ง 12 Tense

1.หลักการใช้ Present Simple Tense (ปัจจุบันกาลปกติ) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Present Simple Tense


Subject + Verb1

หลักการใช้ Present Simple Tense

1. ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา หรือ เกิดขึ้นเป็นประจำซ้ำไปซ้ำมา เช่น

I drink a lot of water. (ฉันดื่มน้ำเยอะ)

2. ใช้กับการกระทำที่ ทำจนเป็นอุปนิสัย หรือ ใช้เพื่อแสดงความถี่ของการกระทำต่างๆ โดยเรามักใช้กับ คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) มาช่วยในการแสดงความถี่ของการกระทำ เช่น

I always do my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสมอ)

*อย่างไรก็ตามประโยคที่มี คำกริยาวิเศษณ์แสดงความถี่ (Adverbs of Frequency) นั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็น Present Simple Tense เสมอไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ประโยคนั้นกล่าวถึง การกระทำในช่วงเวลาใด เช่น

I usually went to a museum. (Past Simple Tense)
I will always love you. (Future Simple Tense)

3. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เป็นความจริงตลอดไป (fact) หรือ เป็นกฎทางธรรมชาติ (natural law) โดยไม่จำเป็นว่าการกระทำนั้นๆ กำลังเกิดขึ้นในขณะที่พูดหรือไม่ เช่น

Snow is white. (หิมะมีสีขาว)

4. ใช้เมื่อต้องการพูดถึง ตารางเวลา (Schedule) หรือ แผนการ (Plan) ที่ได้วางไว้ เช่น

The meeting starts from 8.30 am until 10.00 pm.
(การประชุมเริ่มตอนแปดโมงครึ่งตอนเช้าไปยังสี่ทุ่ม)

5. ใช้ในการ แนะนำ บอกแนวทาง หรือ สอน เช่น
How do I get to the nearest mall? Go straight and turn left on the next corner.
(ฉันจะไปยังห้างที่ใกล้ที่สุดได้อย่างไร เดินตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงหัวมุมข้างหน้า

วิธีการสร้างประโยค Present Simple Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + Verb1
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + do/does + not + Verb1
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Do/Does + Subject + Verb1?
โครงส้รางประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + do/does + Subject +Verb1?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ do/does not คือ don’t และ doesn’t

2.หลักการใช้ Past Simple Tense (อดีตกาลปกติ) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Past Simple Tense


Subject + Verb2

หลักการใช้ Past Simple Tense

  • ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นในอดีตและสิ้นสุดลงแล้ว ซึ่งมักจะมีคำหรือวลีที่บ่งบอกถึงเวลาในอดีตในประโยคเสมอ เช่น yesterday, last…, … ago, once, this morning, when I was… และอื่นๆ เช่น

I met a beautiful girl last night. (ฉันเจอผู้หญิงสวยคนหนึ่งเมื่อคืนนี้)


  • ใช้แสดงถึงการกระทำที่เป็นนิสัยหรือเกิดขึ้นเป็นประจำในอดีต ซึ่งสิ้นสุดลงแล้ว โดย มักมี Adverbs of Frequency (กริยาวิเศษณ์แสดงความถี่) อยู่ในประโยคด้วย เช่น often, always, sometimes และอื่นๆ ซึ่งมักจะมี Adverb of Time (กริยาวิเศษณ์แสดงเวลา) ระบุถึงเวลาในอดีตด้วย เช่น last month, last year และอื่นๆ เช่น

I cooked every night last month. (ฉันทำอาหารทุกคืนเมื่อเดือนที่แล้ว)

He always cried when he was young. (เขาร้องไห้เป็นประจำ ตอนเขายังเด็ก)


  • เราสามารถใช้ "used to + Verb 1" เพื่อให้ความหมายว่า "เคย" เพื่อแสดงถึงการกระทำในอดีตได้ เช่น
I used to eat a lot. (ฉันเคยกินเยอะมาก่อน)

He used to be naughty. (เขาเคยเป็นคนเกเรมาก่อน)

วิธีการสร้างประโยค Past Simple Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + Verb2
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + did + not + Verb1
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Did + Subject + Verb1?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + did + Subject +Verb1?
*เราใช้ “did” เข้ามาช่วยในการสร้างประโยคคำถามหรือปฏิเสธ โดยกริยาแท้นั้นจะต้องอยู่ในรูปกริยาช่องที่ 1 เท่านั้น
*คำปฏิเสธรูปย่อของ did not คือ didn’t

3.หลักการใช้ Future Simple Tense (อนาคตกาลปกติ) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Future Simple Tense

Subject + will/shall + Verb1

หลักการใช้ Future Simple Tense

1. ใช้พูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมักใช้กับ Adverb of Time เช่น tomorrow, next…, soon, shortly, later และอื่นๆ เช่น

I will go to the hospital tomorrow. (ฉันจะไปโรงพยาบาลในวันพรุ่งนี้)

2. ใช้กับประโยคที่ ตัดสินใจในขณะที่พูด โดยไม่ได้วางแผนมาก่อน เช่น

I think I will buy a new mobile phone next week. (ฉันคิดว่าฉันจะซื้อมือถือเครื่องใหม่อาทิตย์หน้า)

3. เราอาจใช้ “to be going to” แทน will/shall ใน Future Simple Tense เมื่อ…

  • กล่าวถึง แผนการ หรือ ความตั้งใจ เช่น

He is going to have a new pet next month.
(เขากำลังจะได้สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ในเดือนหน้า)

I am going to leave him alone for a while.
(ฉันจะปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวสักพัก)

  • กล่าวถึง เหตุการณ์ที่เชื่อจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เช่น

Your ice cream is going to melt in a minute.
(ไอศกรีมของคุณกำลังจะละลายในอีกนาทีข้างหน้า)

  • กล่าวถึง การคาดคะเน เช่น

They are going to scream if they know you’re here.
(พวกเขาคงต้องกรีดร้องออกมาถ้ารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่)

วิธีการสร้างประโยค Future Simple Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + will/shall + Verb1
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + will/shall + not + Verb1
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Will/Shall + Subject + Verb1?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + will/shall + Subject +Verb1?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ will/shall not คือ won’t และ shan’t

4.หลักการใช้ Present Perfect Tense (c) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Present Perfect Tense


Subject + has/have + Verb3

หลักการใช้ Present Perfect Tense

 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีต และดำเนินต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และมีแนวโน้นที่จะดำเนินต่อไปได้อีกในอนาคต เช่น

I have had a lot of toys.
ฉันมีของเล่นมากมาย (และอาจจะมีของเล่นเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต)
2. ใช้กับเหตุการณ์ในอดีตที่ เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงแล้ว แต่ยังส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น

It has stopped raining.
ฝนหยุดตกแล้ว (แต่ถนนยังเปียกอยู่)
3. ใช้พูดถึง เหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นซ้ำๆกัน ในช่วงเวลาหนึ่งระหว่างอดีตและปัจจุบัน โดยมักใช้คำว่า many/several times, a lot of times, …times, again and again, over and over และอื่นๆ เช่น

I’ve read this book more than 3 times. (ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้มามากกว่าสามรอบแล้ว)

4. ใช้กับเหตุการณ์ที่ เพิ่งสิ้นสุดลง โดยไม่ระบุเวลา ซึ่งมักใช้กับ just, already และ yet

  • yet มักใช้ในประโยคปฏิเสธ ส่วน just และ already นั้น มักจะใช้กันในประโยคบอกเล่า โดยวางไว้อยู่หน้ากริยาหลัก เช่น

I haven’t finished my homework yet. (ฉันยังทำการบ้านของฉันไม่เสร็จเลย)

I have just finished my home work. (ฉันเพิ่งทำการบ้านของฉันเสร็จ)

I’ve already finished my homework. (ฉันทำการบ้านของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว)

  • หากเราระบุเวลาลงไป ประโยคจะต้องใช้ Past Simple Tense เท่านั้น ไม่สามารถใช้ Present Perfect Tense ได้ เช่น

I finished my homework at 7 o’clock. (ฉันทำการบ้านเสร็จแล้วตอนเจ็ดโมงเช้า)

5. ใช้เพื่อบอกเล่าถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งมักใช้กับ just, recently, lately และอื่นๆ
The meeting has just started. (การประชุมเพิ่งจะเริ่มขึ้น)

Have you seen him lately? (คุณได้เจอเขาเมื่อเร็วๆนี้บ้างไหม)

6. ใช้กับ since (ตั้งแต่) และ for (เป็นเวลา)
I have been here since I was about 15 years old.
ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่อายุ 15 (ปัจจุบันฉันก็ยังคงอยู่ที่นี่)

I have had a fever for almost a week.
ฉันเป็นไข้มาประมาณอาทิตย์หนึ่งได้แล้ว (ปัจจุบันฉันก็ยังคงเป็นไข้อยู่เช่นเดิม)

วิธีการสร้างประโยค Present Perfect Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + has/have + Verb 3
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + has/have + not + Verb 3
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Has/Have + Subject + Verb 3?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + has/have + Verb 3?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ has/have not คือ hasn’t และ haven’t

5.หลักการใช้ Past Perfect Tense (อดีตกาลสมบูรณ์) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Past Perfect Tense


Subject + had + Verb3

หลักการใช้ Past Perfect Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ ที่ เกิดขึ้น และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตทั้ง 2 เหตุการณ์ ซึ่งเหตุการณ์หนึ่งได้สิ้นสุดลงก่อนหน้าอีกเหตุการณ์ โดย…

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงก่อน จะใช้ Past Perfect Tense

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงทีหลัง จะใช้ Past Simple Tense
We had gone out before he came.
(เราออกไปข้างนอกกันแล้วก่อนที่เขาจะมา)

2. Past Perfect Tense มักจะใช้กับคำว่า before, after, already, just, yet, until, till, as soon as, when, by the time, by… (เช่น by this month) และอื่นๆ โดยจะมีอาจวิธีการใช้ต่างกันไป เช่น

  • Before + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น

Before I went to the school, I had had a car accident.
(ก่อนที่ฉันจะไปโรงเรียน ฉันได้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์)

  • After + Past Perfect Tense + Past Simple Tense เช่น

After I had finished my homework, I went to the Internet Café.
(หลังจากที่ฉันทำการบ้านเสร็จ ฉันก็ไปยังร้านอินเตอร์เน็ต)

  • By the time + Past Simple Tense + Past Perfect Tense เช่น

By the time he came here, I already had finished my dinner.
(ตอนที่เขามาถึง ฉันก็กินข้าวมื้อเย็นของฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว)

วิธีการสร้างประโยค Past Perfect Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + had + Verb 3
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + had + not + Verb 3
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Had + Subject + Verb 3?
โครงส้รางประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + had + Verb 3?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ had not คือ hadn’t

6.หลักการใช้ Future Perfect Tense (อนาคตกาลสมบูรณ์) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Future Perfect Tense


Subject + will/shall + have + Verb3

หลักการใช้ Future Perfect Tense

 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะสิ้นสุดในช่วงเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคต โดยมักใช้กับ by + (by next week, by next month by the end of this year, by 2012, by 6 o’clock, etc.) เช่น
will have completed my work by tomorrow.
(ฉันจะทำงานของฉันเสร็จสมบูรณ์ในวันพรุ่งนี้)

2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่คาดเดาว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดย…

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน จะใช้ Future Perfect Tense
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จะใช้ Present Simple Tense
เช่น The kids will have woken up when we reach home.
(เด็กๆคงจะตื่นกันตอนเรากลับไปถึงบ้าน)

วิธีการสร้างประโยค Future Perfect Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + will/shall + have + Verb 3
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + will/shall + not + have + Verb 3
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Will + Subject + have + Verb 3?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + will + Subject + have + Verb 3?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ will/shall not คือ won’t และ shan’t

7.หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Present Perfect Continuous Tense


Subject + has/have + been + V.-ing

หลักการใช้ Present Perfect Continuous Tense

 1. ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นในอดีตต่อเนื่องมายังปัจจุบัน และยังคงดำเนินต่อไปอีกในอนาคต โดยใช้กับคำว่า since และ for เช่น

She has been sitting here for an hour.
(เธอนั่งอยู่ตรงนี้มาเป็นเวลาชั่วโมงหนึ่งแล้ว)

2. คำกริยาที่ใช้กับ Present Perfect Continuous Tense นั้น จะต้องเป็นคำกริยาที่แสดงถึงความต่อเนื่อง หรือ กริยาที่แสดงถึงการกระทำที่นาน (long action) เท่านั้น เช่น play, look, watch, learn, live, wait, eat และอื่นๆ โดยไม่สามารถใช้กับกริยาที่ไม่แสดงถึงความต่อเนื่อง หรือ กริยาที่แสดงถึงการกระทำที่จบในทันทีได้ เช่น stop, prefer, arrive เป็นต้น เช่น

have been playing games since afternoon.
(ฉันเล่นเกมส์มาตั้งแต่ตอนบ่าย)

3. Present Perfect Continuous Tense อาจนำมาใช้ได้กับเหตุการณ์ที่ สิ้นสุดลงแล้ว แต่ส่งผลมายังปัจจุบัน เช่น

You look tired. Have you been sleeping properly?
(คุณดูเหนื่อยจัง คุณได้นอนหลับมาเพียงพอหรือเปล่า)

4. Present Perfect Continuous Tense จะ เน้นถึงความต่อเนื่องของการกระทำ (Continuity of action) มากกว่า Present Perfect Tense

วิธีการสร้างประโยค Present Perfect Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + has/have + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + has/have + not + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Has/Have + Subject + been + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + has/have + Subject + been + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ has/have not คือ hasn’t และ haven’t

8.หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense (อดีตกาลสมบูรณ์ต่อเนื่อง) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Past Perfect Continuous Tense


Subject + had + been + V.-ing

หลักการใช้ Past Perfect Continuous Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นและดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงอีกเหตุการณ์หนึ่งในอดีต โดยอาจใช้กับคำว่า since และ for เช่น

She had been shouting for help since she fell down the stairs.
(เธอได้ร้องขอความช่วยเหลือตั้งแต่เธอได้ตกบันไดลงมา)

2. ใช้พูดถึงการกระทำที่ เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาในอดีต และได้สิ้นสุดลงแล้ว เช่น

had been smoking for 5 months.
(ฉันเคยสูบบุหรี่มาเป็นเวลาห้าเดือน)

3. Past Perfect Continuous Tense จะ เน้นถึงความต่อเนื่องของการกระทำ (Continuity of action) มากกว่า Past Perfect Tense

วิธีการสร้างประโยค Past Perfect Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + had + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + had + not + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Had + Subject + been + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + had + Subject + been + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ had not คือ hadn’t

9.หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense (ปัจจุบันกาลสมบูรณ์) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Future Perfect Continuous Tense


Subject + will/shall + have + been + V.-ing

หลักการใช้ Future Perfect Continuous Tense

1. มีวิธีการใช้เหมือนกับ Future Perfect Tense ต่างกันเพียงตรงที่ Future Perfect Continuous Tense นั้น เน้นการกระทำหรือเหตุการณ์ที่ ดำเนินอยู่ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งและยังคงจะดำเนินต่อไปอีกในอนาคต โดยมักใช้กับ for + เพื่อแสดงระยะเวลาของเหตุการณ์ หรือ การกระทำนั้นๆ เช่น

By 2012, we will have been living in Bangkok for 7 years.
(ในปี 2012 ก็จะครบรอบที่เราออยู่ในกรุงเทพเป็นเวลา 7 ปีแล้ว)

In 5 minutes, I will have been working for 12 hours.
(ในอีกห้านาทีนี้ ผมก็จะทำงานครบ 12 ชั่วโมงพอดี)
2. ใช้กับเหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่ ต้องการเน้นความต่อเนื่องของการกระทำใดการกระทำหนึ่งในอนาคต โดย…
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน จะใช้ Future Perfect Continuous Tense

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จะใช้ Present Simple Tense
เช่น He shall have been cleaning his room for an hour when I visit him.
(เขาน่าจะกำลังทำความสะอาดห้องของเขาเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงแล้วในตอนที่ฉันไปหาเขา)

วิธีการสร้างประโยค Future Perfect Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + will + have + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + will + not + have + been + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Will + Subject + have + been + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + will + Subject + have + been + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ will/shall not คือ won’t และ shan’t

10.หลักการใช้ Present Continuous Tense (ปัจจุบันกาลต่อเนื่อง) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Present Continuous Tense


Subject + is/am/are + V.-ing

หลักการใช้ Present Continuous Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ กำลังดำเนินอยู่ในขณะที่พูด ต่อเนื่องไปเรื่อยๆและจบในอนาคต โดยอาจจะใช้ Adverbs of Time (คำกริยาวิเศษณ์บอกเวลา) บางคำ เช่น now, at the moment, right now, at present, these days เป็นต้น เข้ามาช่วยในประโยคด้วย เช่น

She is going to the supermarket at the moment.
(หล่อนกำลังไปซุปเปอร์มาร์เกตอยู่ตอนนี้)

2. ใช้เพื่อพูดถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เช่น

am meeting my boss this evening.
(ฉันจะพบกับเจ้านายเย็นนี้)

3. ใช้แสดงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ ผู้พูดมั่นใจว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เช่น

He is going to China tonight.
(เขาจะเดินทางไปยังประเทศจีนคืนนี้)

4. กริยาบางตัวไม่สามารถใช้ในรูปของ Present Continuous Tense ได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์นั้นจะกำลังเกิดขึ้น หรือ ดำเนินอยู่ก็ตาม โดยเรามักใช้ในรูปของ Present Simple Tense กับคำกริยากลุ่มนี้แทน ซึ่ง ได้แก่

4.1) กริยาที่แสดงถึงประสาทสัมผัสทั้งห้า เช่น see, hear, feel, taste, smell
smell something bad. (ถูก)
* I am smelling something bad. (ผิด)

4.2) กริยาที่แสดงความนึกคิด ความรู้สึก เช่น know, understand, think, believe, agree, notice, doubt, suppose, forget, remember, consider, recognize, appreciate, forgive
believe her. (ถูก)
* I am believing her. (ผิด)
4.3) กริยาที่แสดงความชอบและความไม่ชอบ เช่น like, dislike, love, hate, prefer, trust, detest
He likes a woman with long hair. (ถูก)
* He is liking a woman with long hair. (ผิด)

4.4) กริยาที่แสดงความปรารถนา เช่น wish, want, desire, prefer
want to get married. (ถูก)
* I am wanting to get married. (ผิด)

4.5) กริยาที่แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น possess, have, own, belong
She has no children. (ถูก)
* She is having no children. (ผิด)

วิธีการสร้างประโยค Present Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + is/am/are + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + is/am/are + not + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Is/Am/Are + Subject + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + is/am/are + Subject + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ is / am / are not คือ isn’t, aren’t และ aren’t

11.หลักการใช้ Past Continuous Tense (อดีตกาลต่อเนื่อง) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Past Continuous Tense


Subject + was/were + V.-ing

หลักการใช้ Past Continuous Tense

 1. ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์หรือการกระทำที่ เกิดขึ้นในอดีต ในช่วงเวลาที่บ่งไว้อย่างชัดเจน เช่น

was taking a shower at eight o’clock last night.
(ฉันกำลังอาบน้ำอยู่เมื่อวานตอนสองทุ่ม)

2. ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์สองเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นซ้อนกันในอดีต โดย…

เหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้นและดำเนินอยู่ จะใช้ Past Continuous Tense

เหตุการณ์สั้นๆนั้นได้เข้ามาแทรก จะใช้ Past Simple Tense

เช่น I met you boyfriend in the park while I was jogging.
(ฉันเจอแฟนคุณในสวนตอนฉันกำลังวิ่งจ๊อกกิ้งอยู่)

3. ใช้เพื่อกล่าวถึงเหตุการณ์ที่ เกิดขึ้นควบคู่กันไป ณ เวลาเดียวกัน (Parallel Actions) โดย เหตุการณ์ทั้งสองเหตุการณ์จะใช้ Past Continuous Tense เช่น

was sleeping while the teacher was teaching,
(ฉันนอนหลับขณะที่คุณครูกำลังสอนอยู่)

4. เรามักใช้คำว่า when, while, as ใน Past Continuous Tense เพื่อเชื่อมเหตุการณ์ ต่างๆเข้าด้วยกัน เช่น

As I was going to the church, he was going to the sea.
(ขณะที่ฉันกำลังเดินทางไปที่โบสถ์ เขาก็กำลังไปทะเล)

วิธีการสร้างประโยค Past Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + was/were + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + was/were + not + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Was/Were + Subject + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + was/were + Subject + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ was/were not คือ wasn’t และ weren’t

12.หลักการใช้ Future Continuous Tense (อนาคตกาลต่อเนื่อง) ในภาษาอังกฤษ

รูปแบบของ Fuure Continuous Tense


Subject + will/shall + be + V.-ing

หลักการใช้ Future Continuous Tense

1. ใช้กับเหตุการณ์ที่ กำลังจะเกิดขึ้นตามวันหรือเวลาที่กำหนดไว้ในอนาคตอย่างชัดเจน โดยจะสื่อความหมายออกมาว่า เมื่อถึงวันและเวลาที่กำหนดไว้แล้ว เราก็จะเห็นเหตุการณ์นั้นดำเนินอยู่ เช่น

He will be finishing his work at 7 o’clock.
(เขาจะทำงานของเขาเสร็จตอนเจ็ดโมงเช้า)

2. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่ คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน เช่น

You will be laughing when you see her with that dress.
(คุณจะต้องขำแน่ๆถ้าคุณเห็นเธออยู่ในชุดนั้น)

3. ใช้กับ เหตุการณ์ 2 เหตุการณ์ที่เกิดไม่พร้อมกันในอนาคต โดย…

 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน จะใช้ Future Continuous Tense

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลัง จะใช้ Present Simple Tense

เช่น I will be watching movies when you cook dinner.
(ฉันจะกำลังดูหนังอยู่ในขณะที่คุณทำกับข้าวมื้อเย็น)

วิธีการสร้างประโยค Future Continuous Tense

โครงสร้างประโยคบอกเล่า
     Subject + will/shall + be + V.-ing
โครงสร้างประโยคปฏิเสธ
     Subject + will/shall + not + be + V.-ing
โครงสร้างประโยคคำถาม
     Has/Have + will/shall + be + V.-ing?
โครงสร้างประโยคคำถาม Wh-
     Who/What/Where/When/Why/How + will/shall + Subject + be + V.-ing?
*คำปฏิเสธรูปย่อของ will/shall not คือ won’t และ shan’t

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น